วัดช้างไห้ ที่เที่ยวปัตตานี เป็นวัดเริ่มแรกสร้างมาแล้วกว่า 300 ปี ตามตำนานกล่าวว่า พระยาแก้มดำกษัตริย์ไทรบุรี มุ่งหมายหาชัยภูมิสำหรับสร้างเมืองใหม่ให้กับน้องสาว ก็เลยได้เสี่ยงอธิฐาน ปล่อยช้างให้ออกเดินทางไปในป่า โดยมีกษัตริย์และไพร่พลเดินติดตามไป จนกระทั่งมาถึงวันหนึ่ง ช้างได้หยุดอยู่ในที่แห่งหนึ่ง แล้วร้องขึ้นสามครั้ง พระยาแก้มดำก็เลยได้ถือได้ว่าเป็นนิมิตที่ดี จะใช้บริเวณนั้นสร้างเมือง แต่น้องสาวเกลียดชัง พระยาแก้มคำก็เลยให้สร้างวัดในบริเวณดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นแทน แล้วให้ชื่อว่า วัดช้างไห้ แล้วนิมนต์สงฆ์รูปหนึ่ง ที่พลเมืองเรียกว่า ท่านลังกา หรือ สมเด็จพะโคะ หรือ หลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืดจาง คำบอกเกริ่นของ พระครูวิสัยสวย (บุญคุณณคุณครูทิม ธมฺมธโร)

 

วัดช้างให้สร้างขึ้นกว่า ๓๐๐ ปี ถึงแม้ว่าไม่รู้แจ่มแจ้งว่าผู้ใดกันแน่เป็นผู้สร้าง ตามตำนานพูดว่า พระยาแก้มดำ พระราชาไทรบุรี อยากได้หาชัยภูมิสำหรับสร้างเมืองใหม่ให้กับน้องสาว(นางเจ๊ะสิตี) ก็เลยได้เสี่ยงอธิษฐานปล่อยช้างคู่เมืองประเทศราชเดินป่า โดยมีพระยาแก้มดำน้องสาวแล้วก็ไพร่พลเดินติดตามช้างมาหยุดในป่าแห่งหนึ่งพร้อมเดินวนเวียนรวมถึงร้องขึ้น ๓ ครั้ง(วัดช้างให้เวลานี้) พระยาแก้มดำก็เลยมีข้อคิดเห็นว่าเป็นนิมิตหมายอันดี ก็เลยจะใช้บริเวณดังที่กล่าวถึงแล้วสร้างเมือง แต่น้องสาวเกลียดก็เลยให้ช้างเริ่มเดินทางหาทำเลใหม่พบกระจงขาววิ่งอยู่ น้องสาวก็เลยชักชวนไพร่พลวิ่งจับกระจงวิ่งไปบริเวณชายทะเลสีขาว (ตำบลกรือเซะตอนนี้) แล้วหายไป นางรู้สึกถูกอกถูกใจ พระยาแก้มดำก็เลยสร้างเมืองให้

 

และจากนั้นก็เลยเดินทางกลับเมืองไทรบุรีมาถึงที่ช้างเคยหยุดก็เลยค้างถางป่าและจากนั้นก็สร้างวัดชื่อ วัดช้างให้ เมื่อเดินทางถึงเมืองไทรบุรีได้นิมนต์พระสงฆ์ซึ่งประชาชนเรียกว่า “ท่านลังกา” หรือ ”สมเด็จพระโคะ” หรือ หลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืดจาง มาเป็นเจ้าอาวาสองค์แรก ท่านลังกาเดินทางธุดงค์กลับไปกลับมาระหว่างเมืองไทรบุรีกับวัดช้างให้รวมทั้งได้สั่งลูกศิษย์ว่าแม้ท่านตายขอให้นำศพไปทำการการฌาปนกิจศพในวัดช้างให้ เมื่อท่านตายที่เมืองไทรบุรี ลูกศิษย์ได้นำพระศพกลับวัดช้างให้เพื่อการฌาปนกิจศพ ระหว่างเดินทางหยุดที่ใดก็จะปักไม้ไว้ (ขณะนี้ก็เลยมีเจดีย์ จากที่ต่างๆ) ลูกศิษย์ได้นำอัฐิส่วนหนึ่งส่วนใดกับเมืองไทรบุรี รวมถึงส่วนใดส่วนหนึ่งฝังไว้ที่วัดช้างให้มีผู้คนมากไม่น้อยเลยทีเดียวราบไหว้บนอธิษฐาน ได้ผลตามความมุ่งมั่นความศักดิ์สิทธิ์ ก็เลยเลื่องลือไปไกล ต่อมาวัดช้างให้ก็ร้างไปนาน

 

ปี พ.ศ.๒๔๘๐ พระครูมนูญเจ้าอาวาส เจ้าอาวาสวัดอำนาจ หัวหน้าคณะสงฆ์ตำบลทุ่งพลาให้พระตอนมาเป็นเจ้าอาวาส พระตอนได้ชักชวนพลเมืองมาแผ้วป่าสร้างกุฏิศาลาการเปรียญหลังคามุงจาก พร้อมเสนาสนะอื่นๆและได้ลาสึกเมื่อปี พ.ศ.๒๔๘๔

 

ปี พ.ศ.๒๔๘๔ บุญคุณณคุณครูทิม ธมฺมธโร (พระครูวิสัยสวย) เป็นเจ้าอาวาสได้ตั้งชื่อตามกรมการศาสนาว่า “วัดราษฎร์ซ่อม” สร้างศาลาการเปรียญใหม่ กุฏิ ๘ ด้านหลัง สร้างห้องพักฉัน(โรงครัว) สร้างหอระฆัง สร้างพระเครื่องลางสมเด็จหลวงพ่อทวด เหยียบน้ำทะเลจืดจางเนื้อว่านรุ่นแรก ปี พ.ศ.๒๔๙๗ สร้างโบสถ์ สร้างวิหารจัดตั้งรูปหล่อหลวงพ่อทวดสร้างเจดีย์ใส่อัฐิหลวงพ่อทวด สร้างเจดีย์ สร้างกำแพงวัด แล้วก็ซื้อที่ดินตรงกันข้ามวัดสร้างโรงเรียนสมเด็จหลวงพ่อทวด ช่วงวันที่ ๑๑ ธ.ค. ๒๕๐๗ นำต้นโพธิ์จากอินเดียมาปลูกไว้ บุญคุณณคุณครูทิมตายปี พ.ศ.๒๕๑๒ (เป็นเจ้าอาวาส ๒๘ ปี)

 

เวลานี้ได้มีการสร้างรูปเช่นเดียวกันกับหุ่นขี้ผึ้งบุญคุณคุณครูทิมเท่าองค์จริง ตั้ง ในวัดช้างให้ ปี พ.ศ.๒๕๑๒ พระครูใบฎีกาขาว เป็นเจ้าอาวาส ได้จัดงานพิธีกรรมยกฉัตรทองยอดเจดีย์ โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงประกอบพิธียกฉัตรทอง ยอดพระเจดีย์วัดราษฎร์ซ่อมแซม (ช้างให้) ช่วงวันที่ ๒๙ ส.ค. ๒๕๒๐ และก็ปรับปรุงเจดีย์สมเด็จหลวงพ่อทวด จัดซื้อที่ดินสร้างอาคารสถานที่เรียนราชมุนีรังสฤษฎิ์ (เป็นเจ้าอาวาส ๙ ปี)ปี พ.ศ.๒๕๒๑ พระครูเลี้ยงดูปริยัติธุระ ( ความรุ่งโรจน์ อรุโณ ) เป็นเจ้าอาวาสมาจนกระทั่งเดี๋ยวนี้ นอกจากนี้ใครอยากจะหาที่เที่ยวยะลาก็สามารถติดตามได้ในตอนต่อไป